โบท็อกซ์ ปรับหน้าเรียว ลดริ้วรอย

โบท็อกซ์ คืออะไร?

“โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ” หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “โบท็อกซ์” เป็นโปรตีนที่สกัดได้จากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Clostridium Botulinum (คลอสตริเดียม โบทูลินัม) ซึ่งในวงการแพทย์ เดิมทีนำมาใช้รักษากลุ่มอาการ ความผิดปกติของกล้ามเนื้อ เช่น กล้ามเนื้อตากระตุก อาการโรคตาเหล่ เป็นต้น และในเวลาต่อมา ได้มีการพัฒนานำมาใช้ในวงการเสริมความงามจนถึงปัจจุบัน

BTA box
BTA box
BTA box

โบท็อกซ์ทำงานยังไง?

โบท็อกซ์ มีผลทำให้กล้ามเนื้อหยุดการทำงานชั่วคราวในบริเวณที่ฉีด เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าสู่ร่างกาย ตัวยาจะไปจับตัวกับปลายเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อ ช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อและส่งผลต่อการปรับลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ส่งผลให้ริ้วรอยต่างๆ ลดเลือนลง และกล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง เช่นการฉีดลดกราม นอกจากนี้การฉีดโบท็อกซ์ลิฟท์ยังช่วยกระชับกรอบหน้าให้ใบหน้ากลับมาตึงกระชับ อีกทั้งยังช่วยยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อ ช่วยให้เหงื่อและกลิ่นตัวลดน้อยลงได้อีกด้วย

โบท็อกซ์ ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?

โบท็อกซ์สามารถนำมาใช้เพื่อปรับและแก้ไขปัญหาได้หลากหลายบริเวณ

  • ลดกราม ปรับรูปหน้า
  • ลิฟท์กรอบหน้า, ลิฟท์โหนกแก้ม
  • ลดริ้วรอย เช่น หน้าผาก, หางตา, หว่างคิ้ว
  • ลดปีกจมูก
  • ลดเหงื่อใต้วงแขน
  • กระชับรูขุมขน
BTA

โบท็อกซ์อยู่ได้นานแค่ไหน?

โบท็อกซ์จะมีอายุประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งานกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆของแต่ละบุคคล เช่นคนที่ชอบแสดงสีหน้าด้วยการยักคิ้วหรือขมวดคิ้วบ่อยๆก็จะส่งผลให้ริ้วรอยในบริเวณดังกล่าวกลับมาได้เร็วกว่าคนที่ไม่ค่อยแสดงสีหน้า และการดูแลตัวเองหลังฉีด เช่น การหลีกเลี่ยงเลเซอร์, ทรีตเมนท์, อบซาวน่าหรือความร้อนต่างๆ

ระยะเวลาในการเห็นผล

จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ใน 1-4 สัปดาห์ และจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่เมื่อครบ 1 เดือน

ระยะเวลาการฉีดซ้ำ?

ควรเว้นระยะเวลาการฉีดซ้ำแต่ละครั้งอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 3 เดือน หรือเว้น 5-6 เดือนจะดีที่สุด แต่ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับการใช้งานกล้ามเนื้อในแต่ละส่วนของแต่ละบุคคลด้วย จึงทำให้ระยะเวลาที่ฉีดซ้ำแตกต่างกันไป

ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้

  • หน้าแข็ง ไร้อารมณ์ ผลข้างเคียงนี้สาเหตุหลักเกิดได้จากการที่ ใช้ปริมาณโบท็อกซ์ที่มากเกินไปในการฉีด จนทำให้ไม่สามารถบังคับกล้ามเนื้อ หรือแสดงสีหน้า และอารมณ์บนใบหน้าได้
  • หางคิ้วกระดก เกิดได้จากเทคนิคการฉีดที่ไม่เหมาะสม หรือไม่ถูกต้อง จึงทำให้คิ้วเลิกสูงขึ้น รวมทั้งยังอาจทำให้เกิดรอยย่นเพิ่มขึ้นที่ด้านข้างของคิ้วได้ด้วย
  • หนังตาตก สาเหตุเกิดได้จากการฉีดผิดจุด ทำให้กล้ามเนื้อที่หยุดทำงานไป เกิดเป็นอัมพาต ทำให้หนังตาของคุณอ่อนแรงลง หน้าจึงดูอ่อนล้าเหมือนคนง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา ร้ายแรงถึงขั้นลืมตาได้ไม่เท่ากัน สายตาพร่ามัว แม้จะเป็นผลข้างเคียงเพียงชั่วคราวและสามารถแก้ไขได้ แต่ก็ส่งผลต่อการใช้ชีวิตไม่น้อย
  • ยิ้มไม่สุด ปากเบี้ยว มีสาเหตุมาจากการฉีดโบท็อกซ์ไปโดนมัดกล้ามเนื้อ “ไรซอเรียส (Risorius)” กับกล้ามเนื้อ “ไซโกมาติก (Zygomatic)” ที่อยู่บริเวณมุมปาก ซึ่งมีหน้าที่สำคัญคือคอยควบคุมการยกมุมปากขึ้นเวลาที่เรายิ้ม เลยส่งผลทำให้เราไม่สามารถดึงยกมุมปากได้ตามปกติ และทำให้ปากสองข้างดูเบี้ยวไม่สมมาตรกันด้วย
  • วิงเวียนศีรษะ อาเจียน ผิวเห่อแดง ผลข้างเคียงนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากการแพ้ตัวยาที่ฉีดเข้าไป คนไข้ที่มีลักษณะอาการดังกล่าว มักจะแสดงอาการหลังจากการฉีดทันทีหรือหลังจากฉีดประมาณ 2-3 ชม.
  • โรคบูทีลิซึม (BOTULISM) เนื่องจากโบท็อกซ์ หรือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ คือสารที่สกัดได้จากแบคทีเรีย ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากสารตัวนี้ คือ ร่างกายผู้ป่วยแสดงอาการถูกสารดังกล่าวคุกคาม อันเรียกว่าเกิดอาการของโรคโบทูลิซึ่ม โดยอาการสามารถเกิดได้แม้กับบริเวณที่ไม่ได้อยู่ใกล้เคียงกับจุดที่ฉีดโบท็อกซ์เข้าไป เช่น ฉีดที่หน้าแต่เกิดอาการอ่อนแรงที่แขนขา มองเห็นภาพซ้อนหรือมองไม่ชัด เสียงหาย ความสามารถในการอั้นปัสสาวะลดลง เป็นต้น
BTA

การปฏิบัติตัวหลังฉีดโบท็อกซ์

  • ขยับกล้ามเนื้อบริเวณบริเวณที่ฉีดในช่วง 30 นาทีแรก
  • งดนอนราบ 4 ชั่วโมง
  • ห้ามกด นวดบริเวณที่ฉีด 6-8 ชั่วโมง
  • งดออกกำลังกายหนัก  2-3 วัน
  • งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • งดการทำเลเซอร์ การอบซาวน่า การทำทรีตเมนท์หรือการโดนความร้อนจัดบริเวณใบหน้า เป็นเวลา 2 สัปดาห์

คำถามที่พบบ่อย

1. ทำไมฉีดโบท็อกซ์ไม่เห็นผล
สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการใช้โบท็อกซ์ปลอม หรือโบท็อกซ์หิ้วที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งหลังจากฉีดครั้งแรกไป ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีเท่าที่ควร และผลลัพธ์จะเริ่มได้ผลลดน้อยลง ในครั้งต่อๆไป เพราะร่างกายของคนเรา สร้างภูมิต้านทานต่อตัวยามากยิ่งขึ้น

2. การดื้อโบท็อกซ์คืออะไร
“ดื้อโบท็อกซ์” อาการนี้หมายถึง การฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผลลัพธ์ โดยมีสาเหตุเนื่องมาจากโปรตีนในสารโบท็อกซ์นั้นมีหลายชนิด ซึ่งเมื่อฉีดเข้าร่างกายไปแล้ว ร่างกายของผู้ฉีดบางรายจะสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาเพื่อต่อต้านสารโปรตีนดังกล่าว ทำให้การออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์ไม่เห็นผลเท่าที่ต้องการ ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการดื้อโบท็อกซ์ขึ้น ได้แก่

✓การใช้โบท็อกซ์ในปริมาณสูงเกินไป
✓การฉีดโบท็อกซ์ถี่เกินไป
✓การฉีดโบท็อกซ์ที่ไม่ได้คุณภาพ หรือโบท็อกซ์หิ้ว เป็นต้น

ดังนั้น ผู้เข้ารับบริการจึงควรฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณที่น้อย และไม่ควรฉีดเกินปริมาณสูงสุดที่กำหนดให้ฉีดได้ นอกจากนี้การฉีดแต่ละครั้งยังควรห่างกันมากกว่า 12 สัปดาห์ด้วย ไม่ควรใช้จำนวนยูนิตในแต่ละครั้งเกิน 300 ยูนิต เพราะจะเพิ่มโอกาสที่ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานได้ง่ายขึ้น

รีวิวฉีดโบท็อกซ์ที่ MONA CLINIC